Sunday, August 17, 2008

สรุปแล้วนะว่าเลือกปฏิบัติ

จากข่าวข้างล่างทำให้มันใจได้นะว่าประเทศไทยเราเลือกปฏิบัติ
แล้วประชาชนตัวดำๆอย่างผมจะทำอย่างไร

-------------------------------------------------------------------------------------------------

จยย.แพ้คดีห้ามขึ้นสะพาน! [16 ส.ค. 51 - 04:06]
รายงาน ข่าวจากศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2551 แจ้งว่า ศาลได้อ่านคำพิพากษา คดีที่นายธนวัฒน์ เจริญชัยสมบัติ ฟ้องกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ว่ากระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยห้ามรถจักรยานยนต์ขึ้นสะพานลอยข้ามทางแยก บนถนนสายต่างๆและสะพานลอยข้ามแม่น้ำรวม 27 แห่ง เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม และสร้างภาระแก่ผู้ขับขี่จักรยานยนต์เป็นพาหนะในการเดินทางฯ และสะพานบางแห่งมิได้ห้ามรถจักรยานยนต์ขึ้นใช้ทาง ทำให้เกิดความสับสนในการปฏิบัติตาม จึงขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งห้ามดังกล่าวทั่วกรุงเทพมหานคร
รายงานข่าวแจ้งว่า คดีดังกล่าว ศาลมีคำพิพากษาสรุปว่า พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ให้อำนาจเจ้าพนักงานจราจร มีอำนาจออกประกาศข้อบังคับหรือระเบียบ ห้ามรถทุกชนิดหรือบางชนิดเดิน...หรือทำเครื่องหมายบนผิวทาง หรือติดตั้งสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจร กำหนดให้ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตาม รวมทั้งกำหนดโทษผู้ฝ่าฝืน ดังนั้น ผู้ใดที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม จึงเป็นความผิด ทั้งนี้ ในส่วนสะพานลอยข้ามทางแยกทั้ง 27 แห่งนั้น มีลักษณะทางกายภาพร่วมกัน คือ 1. สร้างขึ้นในช่องทางเดินรถทางด้านขวามือ ซึ่งเป็นช่องเดินรถที่ให้ขับขี่ด้วยความเร็วสูงกว่าช่องเดินรถด้านซ้าย 2. เป็นสะพานมิได้กำหนดช่องทางเดินรถจักรยานยนต์ ไว้เป็นการเฉพาะ เพียงแต่มีไหล่ทางด้านซ้ายกว้างระหว่าง 0.40-0.90 เมตร หรือบางแห่งน้อยกว่า 3. เป็นสะพานที่มีความลาดชันตั้งแต่ 2.86-3.46 องศา ดังนั้น ในขณะขับขี่ขึ้นสะพาน เครื่องยนต์ของรถจึงใช้กำลังฉุดมากกว่าปกติ และขณะที่ลงจากสะพานจะมีความเร็วเพิ่มขึ้น ต้องใช้แรงในการหยุดรถเพิ่มขึ้นเพื่อมิให้เกิดอันตราย นอกจากนี้ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 35 วรรค 2 กำหนดให้รถจักรยานยนต์ ในทางเดินรถที่แบ่งช่องเดินรถไว้ตั้งแต่ 2 ช่องขึ้นไป ต้องขี่รถในช่องด้านซ้ายสุด การขับขี่รถจักรยานยนต์ขึ้นสะพาน จึงต้องเปลี่ยนช่องทางจากซ้ายสุดบริเวณทางราบขึ้นไป ช่องเดินรถซ้ายสุดของสะพาน จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 35 วรรค 2 ของ พ.ร.บ.จราจรทางบก 2522 และตัดกระแสการจราจร นอกจากนี้ ในขณะที่จะขึ้นสะพานต้องเร่งเครื่องใช้แรงฉุดมากกว่าปกติ เห็นได้ชัดว่าย่อมเกิดอันตรายแก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เองและผู้ขับขี่ อื่นๆ การออกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจร จึงเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ อีกทั้งเป็นการห้ามรถจักรยานยนต์ทั้งหมดเป็นการทั่วไป มิใช่รถจักรยานยนต์คันใดคันหนึ่ง จึงไม่ใช่เป็นการเลือกปฏิบัติตามที่ผู้ฟ้องกล่าวอ้าง ส่วนกรณีที่อ้างว่าเป็นการสร้างภาระแก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์นั้น สะพานลอยทั้ง 27 แห่ง สร้างขึ้นเพื่อระบายการจราจรพื้นราบให้คล่องตัวขึ้น มิได้สร้างภาระเพิ่มขึ้นให้แก่ผู้ใช้รถพื้นราบอย่างใด จึงพิพากษายกฟ้อง.

ที่มา
http://www.thairath.co.th/news.php?section=bangkok&content=100782

No comments:

Post a Comment